line

line

Wednesday, October 21, 2015

ทริปแตะขอบฟ้า เปรู-บราซิล Day 2 : Lima


หลับสนิทอย่างดีตลอดคืน อากาศกำลังสบายไม่ต้องเปิดแอร์
ตื่นอีกทีคือ 06:30 โปรแกรมอย่างแน่นอะวันนี้

07:30 ทานอาหารเช้าในโรงแรม เป็นผลไม้ดูดี ขนมปัง และ Scramble Egg แบบบ้าน ๆ ที่เหมาะเจาะกับ Maggie ที่เตรียมมา แต่แปลกคือ มีชากาแฟให้ฟรี แต่ไม่มีน้ำเปล่าให้ ถ้าจะดื่มน้ำเปล่าต้องเสีย 2 Soles ค่าน้ำเปล่า แปลกจริง

สภาพห้องอาหารเช้า
Lobby

หน้าโรงแรมมีลูกกกรงอย่างดี
เราวางแผนกันไว้ว่าเราจะทัวร์ Lima ด้วย Turibus เพราะเราไม่เน้นเที่ยวเมืองแต่ก็อยากจะเก็บจนครบ เลยเลือกใช้ทัวร์แบบนี้ดีกว่า ก่อนออกจากโรงแรมเจ้าของโรงแรมถามเราว่าจะไปไหนพอเราบอกเค้าก็เลยบอกเส้นทางไปเจอ Turibus และโทรไปจองที่ไว้ให้ (คือจริง ๆ ไม่ต้องจองก็ได้ไม่มีคนเลย)

เราเลือก Turibus (ตูริบุส) เพราะที่ขึ้นคือห้าง Lacorma ใกล้ ๆ กับโรงแรมเรานั่นเอง รถออกเวลา 09:15 (เราเลือกทัวร์เต็มวัน) เดินจากโรงแรมประมาณ 5 นาที 

ที่แปลกนิดนึงคือห้าง Lacorma เป็นห้างที่สร้างอยู่ใต้ดิน โดยการเซาะหน้าผาเข้าไป ฉะนั้นเวลาเราเดินบนถนนจะไม่เห็นตัวห้างเลย ตัวห้างนี้มีร้านรวงเรียงรายอยู่มากมาย สวยมาก บรรยากาศดี ทะเลก็สวย แต่เราก็ดื่มด่ำยังไม่ได้เพราะต้องไปซื้อตั๋วรถบัสที่ Booth Turibus (พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดี) ในตัวห้างแล้วค่อยไปขึ้นรถ

ระหว่างทางไป Booth Turibus อาจเจอพ่อค้ามาเสนอขายรถ Sightseeing Tour อื่น ๆ บ้างและอ้างว่าราคาถูกกว่า แต่เพื่อความชัวร์ เราก็เอาอันที่คิดไว้นี่แหละ // ที่เคาน์เตอร์ เราจ่ายเป็นเงินสดก็ได้ เงินดอลล่าร์ก็ได้ บัตรเครดิตก็ได้ แต่ของเราเราจ่ายเป็นเงิน Soles เพราะแลกมาจึ๋งนึงจากสนามบินแล้ว

09:15 รถบัส 2 ชั้นเปิดหลังคาสีเหลืองเด่น ก็มารับ คนน้อยดี ประมาณ 10 คนรวมเรา 

รถ Bus สองชั้นที่คนโล่งสุด ๆ
คาดว่ารถเปิดหลังคาแบบนี้ ถ้ามีแดด และอากาศร้อน คงไม่ไหวเป็นแน่ เช้านี้เราเริ่มจากย่าน Barranco ย่านฮิปไฮโซของลิม่า รถขับเลาะชายฝั่งไป amazing มาก สองข้างบรรยากาศดี ทะเลสวย บ้านเรือนมีสีสันฉูดฉาด บางหลังก็วาดรูปตกแต่งดูอาร์ทสุด ๆ 

สะพานที่ว่ากันว่าถ้าขอพรแล้วกลั้นหายใจเดินจนข้ามสะพานได้ พรจะสมหวัง
ผับ บาร์ ร้านอาหาร ทาสีสันฉูดฉาด มีเพ้นท์ลาย ดูดีมาก

จบย่าน Barranco ซึงสมควรแก่การมาชม และถ้ามีเวลาเพิ่มเติมก็ควรมาใช้เวลาตอนเย็นที่นี่ด้วย

10:30 น. รถ Turibus วนกลับมาที่ Lacorma เพื่อรับคนเพิ่ม (สำหรับคนที่เลือกทัวร์ครึ่งวัน) ซึ่งก็มีคนขึ้นมาเพิ่มอีกแค่สามสี่คน คราวนี้เราจะเข้าไปชม Downtown กัน

ระหว่างทางไป Downtown ไม่ค่อยรื่นรมย์เท่าไร เพราะรถติด และกลิ่นท่อไอเสียก็มาปะทะจมูกอยู่เนือง ๆ // แต่การได้นั่งรถสองชั้นก็ดีนะ ได้เห็นชีวิตผู้คน โดยเฉพาะพวกร้านรถเข็นที่ขาย ข้าวโพดต้ม ร้านน้ำปั่น ร้านขายไข่นกกระทาต้ม(อันนี้อยากแนะนำให้เค้ารู้จักแม๊กกี้) ขายแป้งทอดคล้าย ๆ ปาท่องโก๋...เริ่ดอะ

ซัก 20 นาที รถก็มา drop off พวกเรา พร้อม English Speaking Guide หนึ่งคนที่ Plaza Major ใจกลางเมือง รายล้อมด้วยอาคารแนว Europe ดูดีมีสีสัน

Plaza Major

ถนนทางเดินไปโบส์ San Francesco บ้านเมืองดูดีสีสันงดงาม แค่แออัดไปหน่อย
จาก Plaza Major คุณ Guide พาเราเดินประมาณ 4 นาทีก็มาถึง Basilica of San Francesco โบสถ์เก่าก่ประจำเมือง เราเริ่มทัวร์โบสถ์แห่งนี้ด้วยการลงไปเยือน Catacombs ซึ่งมีโครงกระดูกนับร้อย ๆ เรียงรายให้เห็นอย่างใกล้ ถ้าใครขวัญอ่อนก็คงผวาอยู่แหละ มีนักท่องเที่ยวบางคนไม่กล้าลงไป ก็แหงล่ะ ทางเดินแคบมาก ๆ

ด้านหน้าโบสถ์

ภายในโบสถ์ ซึ่งสวยไม่แพ้ภายนอก ไกด์ก็อธิบายไป แต่เราจำไม่ค่อยได้
จบ Tour ประมาณบ่ายโมง (คุ้มค่ามาก) รถมา Drop ที่หน้าห้าง Larcoma เช่นเดิม // จากจุด Drop Off เราเลือกไปเดินเล่นแถวถนน Jose Larco (พอดีสังเกตเห็นตอนรถแล่นผ่านว่ามีร้านรวงเยอะดี) 

ประจวบเหมาะกับเพื่อนอ่านมาพอดีว่า มีร้านอร่อย แนะนำโดย Lonely Planet อยู่แถวนั้น เราก็เลยหิ้วท้องไปร้าน Punto Azul // ไปถึงร้านตอน 14:00 มีคิวเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่า เพราะอาหารดีงามมากกกกกก จริง ๆ อร่อยมาก วัตถุดิบดี เมนูเริ่ด ไม่แพง หลัก ๆ คืออาหารทะเล

Cheviche อาหารท้องถิ่นของเปรู ทำจากปลาดิบและอาหารทะเลสุกบางส่วน ปรุงรส+ใส่ผักประกอบ เหมือนยำบ้านเราเป๊ะ

เราสั่งมาแค่สองจาน กับ 1 น้ำมะม่วง อีกจานคือประมาณ Seafood Fritto เป็นอาหารทะเลชุปแป้งทอดกับสลัด เอาเป็นว่า สั่งมาแค่ 2 อย่างกับ 1 น้ำมะม่วง ก็อิ่มจนท้องจะแตกกกก เพราะจานใหญ่มากจริง ๆ ส่วนรสชาตินั้น ขอแนะนำให้มาโดน

---พอท้องอิ่ม เราก็ดำเนิน mission เราต่อ ซึ่งก็คือ "แลกเงิน" เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ ธนาคารหยุด เราเลยต้องเลือกแลกกันที่ "Casa Cambio" หรือร้านแลกเงิน--แต่ก็แปลกอะ บนถนนนี้ มีที่ให้แลกตั้ง 3 แห่ง เรทก็ดูดีพอโอเค แต่พอเข้าไปที่ร้าน เค้าไม่ขายเงิน Soles อะ เค้าไล่ให้ไปแลกเป็น Soles กับคนข้างนอกที่ยืนถือปึกเงิน Soles อยู่หน้าร้าน (เป็นหมดทั้ง 3 ร้าน) ดูไม่น่าไว้ในเลย เราเลยแลกกันแค่ 300 USD โทษฐานไม่น่าไว้ใจ

บนถนนสายนี้มีสวนสาธารณะ John F Kennedy เป็นสวนเล็ก ๆ แต่ตอนไปดอกไม้สวยมาก และที่สำคัญ แมวเยอะมาก เชื่องมากด้วย คนผ่านไปมาก็เล่นกะแมว น่ารักดีอะ แถวนี้คือมีชีวิตชีวาดีมาก รอบสวนสาธารณะก็จะมีศิลปินเอาภาพวาดของตัวเองมาตั้งขายเรียงราย ส่วนภายใน park เพราะเป็นวันเสาร์ เค้าก็เลยเหมือนมีการเปิดดนตรีให้คนแก่ ๆ มาเต้นกัน (เพลงเร็วด้วยนะ)



---Mission ถัดมาคือ ไปซื้อ perurail เพราะจองผ่าน online แล้วมีปัญหาเรื่องการตัดบัตร // office perurail อยู่ในห้าง Larcoma เลยสะดวกมาก และดีนะ ที่รีบมาซื้อก่อน ไม่งั้นรถไฟคงเต็มหมด เพราะขนาดมาก่อน เที่ยวรถไฟที่อยากจะได้ยังเต็มเลย เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี จ่ายเงินได้ด้วยบัตรเครดิตและเงินสด แต่เสียดายที่เลือกที่นั่งบนรถไฟไม่ได้ ต้องให้ระบบ Generate มาเอง



มีเวลาเดินไปชมพระอาทิตย์ตกริมหน้าผา คือสวยมากจริง ๆ คุ้มค่าควรมา

เพราะเพิ่งอิ่มพุงแตกมา เลยคิดว่าไม่กินข้าวเย็นละกัน
 เราเลยเดินไป super market ในห้าง ซื้อ องุุ่น บลูเบอรี่ Cheese Yogurt ข้าวโพด


ในห้าง Larcoma เองก็น่าเดิน ร้านอาหารก็น่าเข้า



ข้าวโพดต้ม เม็ดยักษ์ สมคำร่ำลือ ประมาณ 40 บาท

บลูเบอรี่อย่างหอม หวาน อร่อย ประมาณ 80 บาท

ค้นพบว่า ประเทศนี้ ผลไม้อร่อย หวาน และ โคตรถูก องุ่นยักษ์อย่างดี กิโลละ 66 บาท พวกผลิตภัณฑ์นม ชีส โยเกิร์ต ก็ดีงามเช่นกัน แค่ตอนเลือกชีส อาจต้องระวังหน่อย ชีสท้องถิ่น(สีขาว ๆ นิ่ม ๆ) ซึ่งดูน่ากิน จริง ๆ กลิ่นแรงมาก กินไม่ได้

Thursday, October 8, 2015

ทริปแตะขอบฟ้า เปรู-บราซิล Day 1 : Bankok - Lima

จริง ๆ แล้ววันนี้ไม่ใช่วันแรกของทริป แต่เป็นวันเริ่มต้นของทริป หลังจากเที่ยวบิน 3 เที่ยวบิน + ต่อเครื่อง ยาวนานกว่า 32 ชั่วโมง (มากที่สุดในชีวิต)

เรากับเพื่อนเดินทางมาคนละสายการบิน แต่นัดกันมาเจอที่ สนามบิน Lima เพื่อนไฟลท์ลง 19:00 ส่วนเราลง 22:30 ระหว่างนั้น เพื่อนก็แกร่วรอไป ซึ่งจริง ๆ สนามบิน Lima เป็นสนามบินไม่ใหญ่มาก มีของกินในสนามบินอลังการ แต่ต้องเดินไปฝั่ง Departure ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกัน

โชคดีที่เที่ยวบินเราไม่ดีเลย์ หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ก็มาพบเพื่อนตอน 23:30 ตามที่คาดการไว้เป๊ะ

อากาศในลิม่า วันที่เราไปถึงดีมาก กลางวันอาจจะประมาณ 25 ส่วนกลางคืนน่าจะประมาณ 17-18

นั่งรออย่างนาน


เราสองคนให้โรงแรมที่เราพัก เป็น B&B CASA DELA NONNA (ถ้าใช้ VPN จากไทย จะเปิดเข้าเวปไซต์โรงแรมไม่ได้ เราใช้ Hola ทำ VPN เป็นจากอเมริกาถึงจะเข้าได้) จองรถ TAXI ให้ เพราะดูสถานการณ์แล้วไฟลท์ลงดึก โดยคิดเรทอยู่ที่ 60 Soles (สกุลเงินในเปรู) และจ่ายเงินตรงกับคนขับ Taxi พอออกมาตรง arrival hall ก็เจอคนขับ taxi ยืนถือป้ายชื่อรออยู่แล้ว

ผ่านตัวเมือง คือด้วยความที่มันดึกมาก ตามท้องถนนจึงมีผู้คนออกมายืนจับกลุ่มคุยกัน และตำรวจเยอะมาก หลายจุดเลย จากสนามบิน 40 นาทีมายังโรงแรม CASA DE LA NONNA ซึ่งอยู่ในย่าน MIRAFLORES ซึ่งเป็นย่านที่ดูเจริญหูเจริญตาและดีมาก โรงแรมนี้เป็นเหมือน B&B รถ TAXI จอดหน้าโรงแรมปุุ๊ป พนักงานต้อนรับ (ซึ่งคิดว่าทำหน้าที่เกือบทุกอย่าง) ก็ออกมาต้อนรับอย่างดี และพาเราไปห้องพักซึ่งอยู่ชั้น 1 ข้างประตูทางเข้า Lobby นั่นเลย....

ตอนนั้นก็เกือบตีสองแล้ว พอมีผู้คนเดินผ่านไปมาข้างนอกเล็กน้อย (ก็นอนชั้น 1 อะ) มีรถตำรวจผ่านไปมาคาดว่าคงตรวจตราอยู่ตลอด และไม่ลืม ทุกครั้ง สังเกตว่าประตูมันไม่มีตัวล็อคนอกเหนือจากกดล็อคประตูธรรมดา เราเลยเอากระเป๋าใหญ่วางขวางประตูไว้ อย่างน้อยถ้ามีใครจะเข้าประตูมา เราก็น่าจะรู้ตัวก่อน ส่วนหน้าต่างมีลูกกรงเหล็กดัดอย่างดี

สภาพห้องแบบมีสองเตียง กว้างขวางดี มีตู้เย็นด้วย มี wifi ฟรีด้วย ไม่มีแอร์ มีห้องน้ำในตัว
คืนละประมาณ 61 USD ต่อห้อง รวมอาหารเช้า
จองผ่านโรงแรมโดยตรง (ใช้บัตร credit guarantee) ถูกกว่าจองผ่านระบบ online booking
ตอนแรกก็กล้า ๆ กลัว ๆ เรื่องบัตร แต่จนวันนี้ก็ปลอดภัยดี
จ่ายตรงค่าที่พักทั้งหมดที่โรงแรมตอน Check-in
ถึงแม้จะนั่ง ๆ นอน ๆ บนเครื่องบินมามากแล้ว แต่พอถึงเตียงจริง ๆ พวกเราก็หลับได้อยู่ดี เรียกว่าสลบดีกว่า อาหารค่ำวันนี้ไม่มี เพราะกินกันอืดมาจากบนเครื่องแล้ว

Friday, October 2, 2015

ทริปแตะขอบฟ้า เปรู-บราซิล : เตรียมทริป ตอน 2

...มาต่อที่การเตรียมทริปในตอน 2 กัน

การเลือกที่พัก : หลักการแรกในการเลือกที่พักคือ ต้องเป็นที่พักในย่านที่ปลอดภัย และเดินทางสะดวก หลังจากพอจะเลือกที่พักที่คิดว่าโอเคแล้ว ก็ต้องมาเดินใน google street (ถ้าทำได้) ดูว่าแถวรอบ ๆ โรงแรม ย่านนั้นมันโอเคจริง ๆ รึเปล่าอีกที ในทริปนี้เราเลือกนอน Guest House, B&B, Hotel เป็นหลักเพราะไม่อยากพะวงเรื่องความปลอดภัยกับการพัก Hostel สภาพห้องเราไม่ค่อยห่วงเท่าไรเพราะจริง ๆ ก็ใช้แค่ซกหัวนอน ที่สำคัญกว่าคือราคาและสถานที่ตั้ง

การเดินทางด้วย taxi : นอกจากเครื่องบิน และรถบัสแล้ว เวลาไปถึงสนามบิน/ท่ารถต่าง ๆ เราเลือกจะเดินทางเข้าที่พักด้วย Taxi โดยหาข้อมูลคร่าว ๆ ไปก่อนว่าค่า Taxi จากจุดนี้ไปนี้ราคาเท่าไร และก็ถ้ามีโอกาสถามคนแถวนั้นดูอีกที

การเตรียมการเงิน : เนื่องจากทั้งเปรูและบราซิล ค่อนข้างมี"ชื่อเสีย" เกี่ยวกับการ แอบดึงข้อมูลบัตรเครดิตบ้างล่ะ แอบ skim รหัส atm จากบัตรกดเงินสดบ้างล่ะ ทำให้หลาย ๆ บัตรเครดิตจะล็อค transaction ที่เกิดขึ้นจากสองประเทศนี้ ดังนั้นก่อนเดินทางจึงต้องโทรศัพท์ไปบอกบัตรเครดิตที่เราใช้ว่าจะไปสองประเทศนี้ ให้ช่วยสอดส่องยอดการรูดบัตร/เบิกเงิน ที่น่าสงสัยให้ด้วย // นอกจากเงินสด (USD) ที่เราเตรียมไป เพื่อความไม่ประมาท เราก็เลยไปทำบัตร atm debit สำหรับกดเงินในต่างประเทศ แต่เป็นแบบ กดครั้งเดียวแล้วทิ้งบัตรเลย คือจะใส่เงินในบัญชีไว้ประมาณ 25,000 บาท เผื่อเกิดเหตุให้ต้องกดเงิน ก็ตั้งใจจะกดออกมาทีเดียวให้หมดบัญชีเลย ป้องกันการ skim ข้อมูลบัตรไปใช้ต่อ

ให้ข้อมูลกำหนดการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงโรงแรมที่พักกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทของเรา ว่าวันไหนเราอยู่ไหนบ้าง (อันนี้เป็นไอเดียได้มาจากน้องมินท์ i roam alone) เผื่อมีข่าวไม่ดีอะไรในอเมริกาใต้ทางบ้านจะได้รู้ว่าเราอยู่ไหนและไม่ต้องเป็นห่วง เช่นในครั้งนี้ เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวระดับ 8 ในชิลี ที่บ้านก็ชิว ๆ เพราะรู้จากกำหนดการว่าเรากำลังบินเข้าบราซิลแล้ว อะไรทำนองนี้

Moray

ทั้งนี้ สำหรับเราตอนเตรียมทริป มันจะสนุกหรือไม่สนุก main หลักคือสองปัจจัยนี้


"การตกลงกันให้เข้าใจถึงความต้องการและข้อจำกัดของกันและกัน"  ถึงแม้ว่าเรากับเพื่อนคนนี้จะสนิทกันพอสมควรก็จริง แต่เราก็มักเช็คความต้องการและข้อจำกัดกันก่อนเตรียมทริปเสมอ โดยประเด็นสำคัญคือต้องจริงใจ ซื่อสัตย์กับตัวเอง และกล้าที่จะปรับทัศนคติให้รับกันได้ตั้งแต่ทีแรกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการใช้จ่ายเงินว่าจะแบ่งกองกลางกันยังไง โชคดีที่อย่างน้อยความชอบของเรากับเพื่อนนั้นใกล้เคียงกัน และสไตล์การท่องเที่ยวคล้าย ๆ กันคือ ไม่เก็บ score สถานที่ท่องเที่ยวได้แค่ไหนแค่นั้น

"การแบ่งกันหาข้อมูลกับเพื่อนที่ไปด้วยกัน" ในกรณีของเรากับเพื่อน เราแบ่งการหาข้อมูลกับเพื่อน ซึ่งได้ไอเดียการแบ่งงานที่ลงตัวดีและดีงาม คือ ช่วงเปรูให้เพื่อนทำ ส่วนช่วงปูโน่-บราซิล เราเป็นคนทำ และให้สิทธิ์การตัดสินใจเกี่ยวกับรายการท่องเที่ยวและที่พักเป็นของคนที่ทำไปเลย ในขณะเดียวกันตัวเราก็จะอ่านข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเปรูไปด้วย เพื่อว่าในขณะที่เพื่อนอาจจะรู้สึกต้องรับผิดชอบกับการเดินทางหรือแผนที่ เราก็จะสามารถช่วยเพื่อนตัดสินใจและสร้างสีสันให้เพื่อนผ่อนคลายลงได้ ซึ่งในส่วนปูโน่-บราซิล เพื่อนก็จะทำสลับกันกับเรา

คิดว่าการเตรียมทริป ประมาณนี้น่าจะพอแล้ว เพราะคนที่คิดจะไปอเมริกาใต้ อย่างน้อยก็ต้องเดินทางมาเยอะบ้างพอสมควรล่ะ

Moray

Thursday, October 1, 2015

ทริปแตะขอบฟ้า เปรู-บราซิล : เตรียมทริป ตอน 1

...หลังจากไป Trek ที่เนปาลเมื่อปี 2012 ก็ผ่านมาแล้วเกือบ 3 ปี นับจากทริปนั้นก็ไม่มีการเดินทางครั้งไหนอีกเลย ที่เรียกได้ว่าไปท่องเที่ยวจริง ๆ แบบที่ไม่รู้สึกว่าไปทำงาน

...ทริปครั้งนี้ก็เกิดจากเหตุจำเป็น ที่ต้องใช้ตั๋วเครื่องบิน non-refund เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เซาเปาโล ที่เดิม ควรจะได้ใช้ไปทำงานตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เราดันเกิดอุบัติเหตุต้องยกเลิกทริป...โชคยังดี ที่พอตั๋วใกล้จะหมดอายุ เพื่อนที่ไปเนปาลด้วยกันครั้งที่แล้ว ก็ตอบตกลงไปกับเรา

...ถึงแม้จะตั้งใจไปกันล่วงหน้าประมาณหกเดือน (ตั้งใจจะไปเดือนกันยายน) แต่ด้วยวันที่ของเรากับเพื่อนที่มีตารางงานเป็นข้อจำกัด ทำให้เพิ่งจะกำหนดวันเดินทาง จองตั๋ว จองที่พักจริงจังได้ ก็แค่ประมาณ 1 เดือนล่วงหน้าก่อนเดินทาง

...การเที่ยวทุกครั้งของเรา ปกติแล้วเราจะไม่เน้นประหยัดมาก เพราะเรากับเพื่อนคิดตรงกันว่าความรู้สึก เวลา และความปลอดภัย ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงเน้นที่ความพอใจ ณ สถานที่นั้นเป็นหลัก

...ตั้งใจมาเขียน Journal การเดินทาง ตั้งแต่การเตรียมตัว ให้ไว้เป็นข้อมูลสำหรับใครก็ตาม ที่อยากจะไปเที่ยวสองประเทศนี้ บอกตามตรงตอนหาข้อมูลเองก็ค่อนข้างลำบาก เพราะไม่ค่อยมีคนไทยเขียนรีวิวจริงจังเท่าไร ส่วนข้อมูลภาษาอังกฤษก็มีมากเกินจนไม่รู้จะเชื่ออันไหนดี (บอกตามตรง เชื่อรีวิวคนไทยมากกว่า)



เริ่มเลย....เปรู - บราซิล : 19 วัน 15 คืน เตรียมทริป ตอน 1

แรงบันดาลใจ :  ง่าย ๆ ตรง ๆ ว่าชอบเที่ยว ถึงแม้จะได้เดินทางไปแล้วหลายประเทศแต่ไม่เคยแตะทวีปนี้เลย ก็เลยตั้งใจว่าสักครั้งในชีวิตจะต้องมาเยือนให้ได้ ผู้หญิงโสดวัย30จิ๊ด ๆ สองคนก็เลยทุบกระปุกออกเดินทางผจญภัยกันอีกครั้ง

เลือกช่วงเวลาเดินทาง : ทวีปอเมริกาใต้ มีฤดูตรงข้ามกับโลกฝั่งเหนือเส้นศูนย์สูตร และมีภูมิประเทศหลากหลาย ดังนั้นหลัก ๆ แค่เลือกช่วงที่หลีกเลี่ยงหน้าฝน (โดยเฉพาะคุสโก้) และ ไม่่่ใช่ฤดูร้อน (โดยเฉพาะริโอเดอจาเนโร) ผลเลยออกมา เป็นเดือน กันยายน ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่รวมหลายภูมิทัศน์ให้ได้เห็นต้นไม้เขียว ๆ ดอกไม้สวย ๆ หญ้าแห้ง ๆ (ชอบวิวหญ้าแห้ง) มีผักผลไม้กินเต็มที่ ในขณะที่อากาศก็ไม่้ร้อนไม่หนาวเกินไป

เลือกเมือง เลือกเส้นทาง:  ตอนแรกที่แพลนไว้ ว่าเราจะไปเปรู - โบลิเวีย แต่เนื่องจากเวลากระชั้นชิดเลยไม่มีเวลาหาข้อมูลโบลิเวียอย่างจริงจัง ประกอบกับจำนวนวันที่จำกัด เราเลยไม่อยากเสียเวลาไปกับการนั่งรถในโบลีเวีย แถมเที่ยวบินที่ออกจากโบลีเวีย ก็เวลาไ่ม่สวย(แถมแพง) สรุปก็เลยเลือกเอา highlight ในแถบนี้ เพราะเพื่อนที่ไปด้วยชอบน้ำตก ก็เลยจัดให้นางซะหน่อย กล่าวคือเอาตามความชอบนำ

เลือกสายการบิน จากกรุงเทพฯ: เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไป เราไม่มีทางเลือกเพราะตั๋ว non-refund ของ Turkish Airline ที่เราจำเป็นต้องใช้  ส่วนเพื่อนเรานางไปหาสายการบินของนางเอง แล้วเราบินมาเจอกันที่ Lima ตอนขาไป (ซึ่งจะเล่าให้ฟังทีหลังว่าเราตัดสินใจเสี่ยงเกินไป)  และขากลับแยกกันที่ Rio de Janeiro 

เลือกสายการบินภายในทวีป: เราขอเล่าค่อนข้างละเอียดเพราะส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้ การเดินทางด้วยเครื่องบินจะสะดวกที่สุด บอกไว้เลยว่า ถ้ายิ่งแพลนล่วงหน้าและจองล่วงหน้าได้ยิ่งดีราคาจะถูกกว่ามาจองใกล้ ๆ ของเราจองล่วงหน้าแค่เดือนเดียว ราคาเลยค่อนข้างสูง

1.จะจองผ่าน airline โดยตรง หรือผ่าน online booking agent ไหนดี? 

เริ่มแรกเราใช้ website sky scanner หาเที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุด ในวันและเวลาที่เราต้องการ ซึ่ง sky scanner จะ ช่วยกรองให้ว่าเราควรไปจองกับ online booking agent เจ้าไหน หรือจองตรงกับสายการบินไหนดี
สายการบินหลัก ๆ ที่บินในอเมริกาใต้คือ LAN (ของเปรู) และ TAM (ของบราซิล) ราคาจองตรงกับสายสองสายการบินนี้ บางครั้งราคาจะถูกกว่า online booking agent แต่ข้อเสียคือตอนเราจอง เราตัดผ่านบัตรเครดิตเราไม่ได้ 
หากเที่ยวบินที่เราต้องการ (ที่ดูว่าราคาโอเคแล้ว) ต้องจองผ่าน online booking agent ไหนเราเอาชื่อของ agent นั้นไป search ผ่าน google อีกที เพื่อดูว่าเชื่อถือได้หรือไม่และราคาที่ show ใน sky scanner มีหมกเม็ดอะไรหรือเปล่า ที่เราเจอมันมีเจ้า e-ความฝัน ซึ่งราคาถูกกว่าเจ้าอื่น แต่พอเอาชื่อไป search ใน google จึงได้รู้ว่าราคามันหมกเม็ด 

กรณีของเรา เพราะไม่สามารถจองตรงกับสายการบิน LAN และ TAM ได้ (ตัดบัตรเครดิตไม่ได้) เราจึงใช้จองภายในผ่าน expedia เป็นหลัก ราคาแพงกว่าจองตรงนิดหน่อย และเป็นสิ่งที่เราคิดถูกที่สุด....ขอแยกไปเล่าใน เตรียมทริป ตอน 2 นะคะ เรื่องมันยาว

2.จองแบบ point to point หรือจองเป็น หลาย ๆ ไฟลท์ พรืดด เลยดี?

อันนี้แนะนำให้ต้องลองเทียบราคาทั้งสองแบบ  แล้วมาเลือกอันที่ดีที่สุด เพราะกรณีของเรา เราจอง 6 sectors พรืดเดียว ราคาต่างกับจอง point to point ของเพื่อน 4 sectors แค่ 2,000 บาท

3.ถ้าต้องเปลี่ยนเครื่อง ระยะเวลาต่อเครื่องควรเผื่อไว้เท่าไรดี และเปลี่ยนสนามบินไหนดี?

ก่อนอื่นจะต้องดูความเป็นไปได้ของการ Check-Thru (กระเป๋าไปถึงจุดหมายปลายทาง) ว่าได้หรือไม่ได้ ง่าย ๆ คือถ้าต่อเครื่องกันคนละสายการบินก็ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าอาจต้องดึงกระเป๋าออกมาเช็คอินใหม่ ในกรณีนี้ควรเผื่อเวลาไว้ อย่างต่ำ 2 ชั่วโมง 30 นาที ถ้ากระเป๋า Check-Thru ได้และต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (กรณีเที่ยวบิน international ต่อ domestic) ก็อาจจะเผื่อไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ต้องผ่านก็อาจจะเผื่อไว้ 1 ชั่วโมง 30 นาที /// ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่ต้องหาข้อมูลเพิ่มเช่น Terminal ที่เครื่องบินลง และ Terminal ของเครื่องที่เราจะขึ้นต่อไป

เปลี่ยนสนามบินไหนดี? จริง ๆ อันนี้ไม่ค่อยเป็นปัจจัยของเราเท่าไร เพราะเราดูตั๋วราคาถูก และเวลาเป็นหลัก แต่ถ้าหากเลือกได้ ในกรณีที่เราต้องรอเปลี่ยนเครื่องเกิน 2 ชั่วโมง ก็จะเลือกสนามบินในเมืองใหญ่ เพราะอย่างน้อยมันมีอะไรให้ทำให้เดินมากกว่าในเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรให้ทำเลย

เด๋วจะมาต่อตอน 2 นะ มีให้ต้องเตรียมเยอะอะ


Agricultural Wisdom of Pisac

Blogger templates